วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

My Changmin's history

เพิ่งจะนึกได้ว่าควรจะลงประวัติชางมินก่อน...
แต่ก็ช้าไปนิดนึง... ที่จริงก็ไม่จำเป็นเพราะจำได้อยู่แล้ว
แต่ว่าลงแปะๆ เอาไว้ก็ดี บล็อคมันจะไ้ด้สมบูรณ์....
ปล. สีเทาเป็นความเห็นของเดี๊ยนที่แทรกลงไปเองเน้....

กรุณาเอาออกไปพร้อมเครดิตทั้งหมด...
Credit :: TVXQ UNION @ PINGBOOK.COM
ตกแต่งเพิ่มเล็กน้อย :: ยามาโก่ะจัง.* + Minta


  • ชื่อจริง : 심창민 (Shim Changmin / ชิมชางมิน)
  • ชื่อในวงการ : 최강 (MAX, ChoiKang / แมกซ์, เชวกัง)
  • ตำแหน่งในวง : ร้องนำ (โทนเสียงสูงสุด ~ โทนเสียงโซบราโน)
  • วันเกิด : 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1988
  • สถานที่เกิด : Seoul
  • ส่วนสูง / น้ำหนัก / รองเท้า : 186 cm / 61 kg / -
  • กรุ๊ปเลือด : B
  • ครอบครัว : พ่อ แม่ น้องสาวอีก 2 คน
  • การศึกษา : มหาวิทยาลัย
  • ศาสนา : พุทธ
  • งานอดิเรก : ฟังเพลง อ่านหนังสือ ร้องเพลง
  • ความสามารถพิเศษ : : ร้องเพลง ,เต้น (อ่า...และก็กินได้เยอะมากด้วยเค่อะ..)
  • ภาพลักษณ์ (จุดเด่นหรือจุดสนใจ) : น้องเล็กสุดแต่ตัวโตที่สุด ทั้งยังมีนิสัยที่เป็นผู้ใหญ่เกินอายุด้วย
ผลงานก่อนเดบิวต์
- SM's 6th Best Youth Competition - 1st Place Award / Best Singing Award



ชางมินมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างเข้มงวดเพราะมีทั้งพ่อและแม่เป็นอาจารย์ การที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงจึงมีเงื่อนไขจากพ่อแม่ด้วยว่าจะต้องไม่ทิ้งการศึกษา ปัจจุบันชางมินเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองสาขาศิลปะของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในกรุงโซล

ชางมินเข้ามาออดิชั่นโดยไม่ตั้งใจ และผ่านโดยไม่ได้ตั้งใจ
(แต่คว้ารางวัลเบสท์ซิงกิ้งไปซะงั้น.....)
มินมาเพื่อเป็นเพื่อนของเพื่อนที่ตั้งใจมาออดิชั่น แต่คนที่ผ่านกลับเป็นเค้า เสียงของชางมินอยู่ในโทนสูงมากจนน่าอัศจรรย์ว่าผู้ชายตัวโตๆจะมีเสียงแบบนี้ได้ ถึงขั้นที่อีซูมานประทับใจเสียงของเขามากขนาดที่เคยคิดจะให้เขาเดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวด้วยซ้ำ หากใครได้ดูคอนเสิร์ตโชว์เคสเปิดตัวอัลบั้มสามคงประทับใจเสียงโทนสูงของเขา
ที่สามารถร้องแทนชางลี่ยิน(จางรีอิน)ในเพลงไทม์เลสได้
(เป็นเพลงที่จุนซูร้องกับรีอิน ที่มีซีวอนกับป๋าฮันเล่นเอ็มวีให้อ่า...)

ลักษณะภายนอกของชางมินดูมาดแมนบึกบึนล่ำสัน แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็ก
เป็นน้องเล็กของวงที่หัวอ่อน ถูกพี่ใหญ่ยอง อุงแจจุงแกล้ง หยอก อำไม่เว้นแต่ละวัน(จนเดี๊ยนอยากจะจับแจจุงมาฟาดก้นซักทีสองที)
ชางมินเคยให้สัมภาษณ์ว่ายอมให้แกล้งเพราะขี้เกียจจะสู้ด้วย และถึงเถียงไป ก็ไม่ชนะอยู่ดี แต่บางครั้งการกลั่นแกล้งของแจจุงก็ออกจะเกินเลยไปหน่อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง แจจุงแกล้งขโมยจูบจากน้องมิน(เดี๊ยนล่ะอยากจะจับแจจุงมาบีบจมูกซะจริงๆ) เพราะปลุกเท่าไหร่ชางมินก็ไม่ยอมตื่น(เขาขี้เซาเป็นรองจากมิกกี้เท่านั้น)
ก็เลยปลุกด้วยการจูบปาก (ความอยากส่วนตัวมี๊แจตังหาก.....) วิธีปลุกนี้ได้ผลเกินคาด นอกจากจะทำให้ชางมินตื่นแล้ว ยังทำให้น้องมินร้องไห้ออกมาเพราะตอนนั้นเขายังไม่เคยจูบกับใคร และยังไม่เคยมีแฟนด้วย
(และหลังจากนั้นชางมินก็วิ่งไปบ้วนปากทันที..... ก๊ากกกก เดี๋ยวจะเอาเรื่องนี้มาลง คิๆ)

นิสัยอย่างหนึ่งของชางมินที่น่านับถือมากคือ เขาเป็นคนตั้งใจ จริงจัง และจริงใจกับทุกเรื่องที่ทำ เป็นผลมาจากการที่ได้รับการอบรมมาอย่างเข้มงวด และการที่ต้องรักษาผลการเรียนให้อยู่ในระดับดีเยี่ยมควบคู่ไปกับการทำงาน เป็นเชวกังชางมินของแฟนๆนับหมื่นนับแสนคน ชางมินต้องการรักษาไว้ทั้งสองอย่างจึงส่งผลให้เขาเป็นคนจริงจัง จนในบางครั้งก็ดูซิเรียสและวิตกกังวลกับงานมากเกินไป แฟนๆของชางมินคงสังเกตเห็นว่ารอยยิ้มสดใสของเขา มีเพียงตอนอยู่หน้ากล้องเท่านั้น แต่ในยามที่ไม่มีกล้องถ่ายตรงมาที่เขา หน้าเขาจะดูเคร่งขรึม เงียบ และสุขุมเกินวัย (ตรงนี้น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมแจจุงจึงชอบแกล้งชางมินนัก คงอยากให้น้องผ่อนคลายบ้างนั่นเอง)
(ไม่จริง... มี๊แจมันจิตตังหาก... แล้วมินก็น่าแกล้งด้วย...ฮี่ๆๆๆ)

นอกจากนี้แล้วเขายังเป็นคนที่พูดน้อยที่สุดในวง เพราะเป็นหนุ่มขี้อาย จึงพูดไม่ค่อยเก่งนัก
(แต่น้องพูดทีนี่... อึ้งรับทานเป็นแถบ.....โหดเหลือใจ....)

ชางมินเป็นคนที่กินเก่งที่สุดในวง เขาหิวได้ตลอดเวลา และสามารถกินได้ตลอดเวลา กินเร็วและกินเยอะเสียด้วย จนได้สมญาจากแฟนๆว่า'ตู้เย็น' ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาชอบฉายานี้หรือไม่ แต่ที่รู้คือ เขาชอบอาหารฝีมือแจจุงมาก ต่อให้หิวจัดแค่ไหน ถ้าแจจุงบอกให้เขารอ ชางมินก็ทนรอได้จนกว่าอาหารที่แจจุงทำจะเสร็จ (แล้วระหว่างรอก็กินอย่างอื่นไปด้วยใช่มั๊ยหนูมิน.....)

สำหรับสาวในสเป็คของชางมินคือ จะต้องพูดภาษาอังกฤษได้ ผู้หญิงคนไหนที่พูดภาษาอังกฤษรัวเป็นไฟจะสามารถให้หัวใจหนุ่มน้อยชางมินเต้นโครมครามได้ เขาพูดเรื่องนี้บ่อยมากจนเพื่อนในวงบอกว่า "เรื่องนั้นน่ะพวกเรารู้หรอกน่า" สรุปว่ายังไงพ่อหนุ่มจอมซีเรียสคนนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีล่ะนะ

แต่หลังๆ น้องมินบอกว่าชอบผู้หญิงจริงจังนะ....
เลิกพูดเรื่องภาษาอังกฤษไปแล้วล่ะ... เพราะเค้าโตขึ้นแล้วมั๊ง....

ไม่มีความคิดเห็น: